วิทยานิพนธ์
เรื่อง
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง ความน่าจะเป็น ระหว่างกลุ่มที่สอนโดยการคัดสรรกลวิธีการสอน
กับการสอนแบบอธิบายและแสดงเหตุผล
โรงเรียนพนมสารคราม พนมอดุลวิทยา จังหวัดฉะเชิงเทรา
โดย
นายวรวิทย์ พาลพ่าย
เสนอ
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เพื่อความสมบูรณ์แห่งปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
( ศึกษาศาสตร์-การสอน ) พ.ศ.2541
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง ความน่าจะเป็น ระหว่างกลุ่มที่สอนโดยการคัดสรรกลวิธีการสอนกับการสอนแบบอธิบายและแสดงเหตุผล โรงเรียนพนมสารคาม พนมอดุลวิทยา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เป็นแนวทางสำหรับครูคณิตศาสตร์ในกลนำกลวิธีการสอนไปปรับปรุงการการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. เป็นแนวทางในการทำวิจัยในเนื้อหาเรื่องอื่นๆ ของคณิตศาสตร์ต่อไป
ขอบเขตของการวิจัย
1. กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพนมสารคาม พนมอดุลวิทยา อำเภอพนมสารคราม จังหวัด ฉะเชิงเทรา ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2540
2. เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยคือ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
3. ตัวแปรที่ศึกษาได้แก่
3.1 ตัวแปรอิสระได้แก่การสอนของครูซึ่งมีสองวิธีคือ กลุ่มที่สอนโดยการคัดสรรกลวิธีสอน กับกลุ่มที่สอนแบบอธิบายและแสดงเหตุผล
3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ค 012 เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สำหรับสอนในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้เวลาสอนกลุ่มละ 10 คาบ
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สำหรับใช้ทดสอบหลังเรียนกับกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จำนวน 1 ฉบับ ซึ่งมีค่าดัชนีความเที่ยง ( reliability ) เป็น 0.76
ดำเนินการวิจัย
1. ผู้วิจัยสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่
1.1 แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น
1.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง ความน่าจะเป็น
2. ผู้วิจัยทำการรวบรวมคะแนนสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2540 รายวิชาคณิตศาสตร์ ค011 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม และนำมาทดสอบค่าเฉลี่ยโดยใช้ pooled variance t-test เพื่อศึกษาความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนเรียน
3. ผู้วิจัยดำเนินการสอนเรื่อง ความน่าจะเป็น แก่กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมด้วยตนเอง กลุ่มละ 10 คาบ คาบละ 50 นาที
4. หลังการสอนเนื้อหาทั้งหมดแล้ว ผู้วิจัยได้ทำการสอบโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น กับนักเรียนทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยเวลากลุ่มละ 50 นาที
5. นำผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของทั้งสองกลุ่มมาเปรียบเทียบกันโดยใช้ pooled variance t-test
ผลการวิจัย
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง
ความน่าจะเป็น ของกลุ่มที่สอนโดยการคัดสรรกลวิธีการสอนสูงกว่ากลุ่มที่สอนแบบอธิบายและแสดงเหตุผล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
|